ในโลกของเด็กเล็ก “การตัดสินใจ” มักเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เช่น อยากพูดก็พูด อยากแย่งของก็แย่ง อยากเล่นก็วิ่งไปเลย แต่เมื่อเด็กโตขึ้น การคิดก่อนทำควรก้าวไปอีกขั้น คือ คิดให้พ้นจากตัวเอง และมองว่า “สิ่งที่เราทำส่งผลต่อคนอื่นอย่างไร”
ตอนนี้จะพ่อแม่ช่วยฝึกให้ลูก “หยุดคิดสักนิดก่อนทำ” ไม่ใช่เพราะกลัวผิดหรือกลัวโดนว่า แต่เพราะเริ่มเข้าใจว่า “การกระทำของเรา” มีผลกับ “ใจคนอื่น” เช่นกัน
🧩 ตัวอย่างกิจกรรมและบทสนทนา
👶 วัยเริ่มต้นเรียนรู้ (อนุบาล)
สถานการณ์: ลูกอยากเล่นของเล่นที่เพื่อนกำลังเล่นอยู่
พ่อแม่ชวนคุย:
“ลูกอยากเล่นมากเลยใช่ไหม แล้วถ้าเราไปแย่งเลย เพื่อนจะรู้สึกยังไงนะ?”
“ถ้าเราอยากเล่นด้วย มีวิธีไหนที่เพื่อนจะยิ้มได้ด้วยไหม?”🧠 เป้าหมาย:
เด็กยังไม่เข้าใจคำว่า “เห็นอกเห็นใจ” แต่เข้าใจคำว่า “เพื่อนจะยิ้มไหม?” ได้ดี นี่คือจุดเริ่มของการคิดถึงผลกระทบต่อผู้อื่นในรูปแบบที่จับต้องได้
👧 วัยเริ่มต้นคิดเอง (ประถมต้น)
สถานการณ์: ลูกอยากเปิดเพลงดังในบ้าน
พ่อแม่ชวนคุย:
“ลูกคิดว่าถ้าเปิดเสียงดังตอนนี้ จะมีใครได้รับผลไหม?”
“ถ้าอยากฟังจริง ๆ มีวิธีไหนที่ไม่รบกวนคนอื่นบ้าง?”🧠 เป้าหมาย:
เด็กเริ่มเห็นภาพว่า “สิ่งที่เราทำมีขอบเขต” และต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมร่วม เป็นการวางรากฐานของการมี “วิจารณญาณทางสังคม” (social reasoning) ซึ่งไม่ได้พูดเรื่องถูกผิด แต่พูดเรื่อง “ผลกระทบต่อผู้อื่น”
🎲 เกมฝึกคิดง่าย ๆ
ชื่อเกม: “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า...”
-
-
พ่อแม่ตั้งสถานการณ์ เช่น
-
“ถ้าลูกตะโกนในห้องสมุดจะเกิดอะไรขึ้น?”
-
“ถ้าลูกช่วยเพื่อนเก็บของจะเกิดอะไรขึ้น?”
-
-
ให้ลูกตอบ “ผลกับคนอื่น” มากกว่า “ผลกับตัวเอง”
-
จากนั้นให้ลูกลองคิด “ถ้าอยากทำสิ่งนั้นโดยไม่กระทบคนอื่น จะทำได้ยังไง?”
-
🧠 เกมนี้ช่วยให้เด็กฝึกคิดทั้ง “ผลที่กระทบคนอื่น” และ “วิธีลดผลกระทบ” ซึ่งเป็นขั้นต่อจากการคิดถึง “ผลของตัวเอง” ที่เรียนรู้ในตอนก่อนหน้า
🧭 แนวทางสำหรับพ่อแม่
-
-
วัยอนุบาล: พูดด้วยภาพที่ลูกเข้าใจง่าย เช่น “ถ้าทำแบบนี้ เพื่อนจะยิ้มหรือหน้ามุ่ยนะ?”
-
วัยประถมต้น: ให้ลูกมองหลายมุม เช่น “เราสบายไหม?” “คนอื่นรู้สึกยังไง?” “มีวิธีไหนที่ทุกคนแฮปปี้?”
-
สำคัญมาก: อย่าสอนด้วยคำว่า “ห้าม” หรือ “ไม่ดี” แต่ใช้คำถามเปิดทางคิด เช่น “ลูกว่าถ้าเราทำแบบนี้ เขาจะรู้สึกยังไง?” เพื่อให้เด็กได้ฝึกมองรอบตัวโดยไม่รู้สึกว่ากำลังถูกสั่ง
-
💡 สรุป
การคิดถึงคนอื่นก่อนทำ คือการพัฒนา “สมองแห่งความเข้าใจ” (empathic thinking) เด็กที่มองรอบตัวก่อนตัดสินใจ จะโตเป็นคนที่มีเหตุผลแต่ไม่แข็งกระด้าง รู้จักคำนึงถึงผลของการกระทำโดยไม่ต้องมีคำว่า “ถูก” หรือ “ผิด” แต่เพราะเข้าใจว่า “สิ่งที่เราทำ” มีน้ำหนักต่อ “ใจคนอื่น” เสมอ